วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คำศัพท์ KM


 1.การวางแผนกลยุทธ์ทางด้านองค์ความรู้ (Knowledge Strategy) 

        การวางแผนจัดการด้านองค์ความรู้และการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้นั้น ไม่ต่างจากการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) กล่าวคือ ผู้บริหารองค์กรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องทราบให้แน่ชัดว่ากำลังจะนำศาสตร์ด้าน KM มา ใช้เพื่อสร้างประโยชน์ในลักษณะใดต่อองค์กร โดยจะต้องทราบอย่างแน่ชัดว่าจะใช้งานและบริหารจัดการองค์ความรู้เหล่านั้นใน ลักษณะใดโดยให้อยู่บนพื้นฐานที่ว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นกับระบบ KM ต้องสร้างประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรของตน ในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย หากจะเริ่มต้นวางแผนออกแบบกลยุทธ์การจัดการองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ก็อาจจะต้องว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาเพื่อออกแบบระบบที่มีความ สอดคล้องกับการกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ นอกนั้นั้นจะต้องตระหนักว่า แม้จะมีการออกแบบกลยุทธ์ในการจัดการองค์ความรู้ไปแล้ว กลยุทธ์ดังกล่าวก็ควรจะได้รับการตรวจสอบอยู่เป็นประจำว่ายังมีประสิทธิภาพ และเข้ากันได้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์ การแข่งขันอยู่เสมอ

2.  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) คือ การที่กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน  มารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยความสมัครใจ เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจหรือพัฒนาแนวปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ

 องค์ประกอบหลักที่สำคัญๆ ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ประกอบ ได้แก่

1. คน (People) – ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมของความรู้ที่สมควรนำออกมาแบ่งปันเป็นอย่างยิ่ง โดยก็ควรจะเป็นคนที่มีความรู้จากการปฏิบัติจริง และอยากจะมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้นั้น ด้วยความเต็มใจ

2. สถานที่ และบรรยากาศ  (Place) – เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มี ชีวิตชีวาและน่าสนใจ เพราะสถานที่และบรรยากาศที่ดี (สบายๆผ่อนคลาย) มีความเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มคน จะทำให้คนเหล่านั้นมาเจอกันพูดคุย ปรึกษา วิเคราะห์ปัญหา  แบ่งปัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างสบายใจ

3.  สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (Infrastructure) - เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยให้การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิดได้ ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น กระดานสำหรับเขียน คอมพิวเตอร์สำหรับการสรุปและจัดเก็บความรู้รวมถึงการแบ่งปัน (Share) หรือการส่งต่อข้อมูล

4. ทุนมนุษย์  นับเป็นทรัพยากรอันสำคัญยิ่งขององค์กร ที่เพียบพร้อมไปด้วยทั้ง Tacit Knowledge  ทักษะประสบการณ์ในการทำงาน  และเจตคติที่มีต่อองค์กร  

            ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความเปลี่ยนแปลงนั้นแผ่กระจายไปทั่วโลก  ดังนั้นทุกองค์กรจึงพยายามที่จะแข่งขันเพื่อให้องค์กรอยู่

รอด  ก้าวหน้าและสง่างามกว่าองค์กรอื่น   สิ่งที่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้นั้น  ทุกคนในองค์กรต้องทำงานโดยอยู่บนพื้นฐานความรู้ (Knowledge base) เป็นสำคัญ  Blue collar workers จึงกำลังถูกแทนที่ด้วย Knowledge workers  หรือผู้ปฏิบัติงานบนพื้นฐานความรู้  ซึ่ง Knowledge workers   นี้จะเป็นผู้ที่มีศาสตร์เป็นฐานความรู้และมีศิลป์ในการบริหารจัดการในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้    โดย Knowledge workers  จะมีคุณลักษณะดังนี้

1)      มีความสามารถพิเศษในการแก้ปัญหาใหม่ ๆ

 2)      มีความคิดจิตใจที่เป็นอิสระ

3)      การจูงใจที่ดีคือการยอมรับเมือเขาสามารถทำงานได้บรรลุผลสำเร็จ

4)      ชอบทำงานเป็นทีม

5)      ไม่ชอบการควบคุม

6)      ชอบที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระในการสร้างทีม  

              การบริหารจัดการโดยใช้วิธีควบคุมและการกำกับทีม  จะทำให้ความสำเร็จของงานที่ได้ไม่ยั่งยืน   แต่ทีมที่สามารถควบคุมดูแลตนเองได้จะเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากกว่า  เพราะทีมจะมีคุณลักษณะเฉพาะคือ  ชอบที่จะเรียนรู้ในการควบคุมตนเอง  องค์กรเพียงมีแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทีมสามารถสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันได้อย่างอิสระ (Delegate & Support)  เขาจะสามารถนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จได้โดยง่าย\

3.  การบริหารจัดการ Knowledge workers   จึงเป็นเรื่องที่ยากเพราะผู้บริหารมักยึดติดกับการสั่งการและการควบคุม (Direct & Control)   ในขณะที่การทำงานร่วมกับ Knowledge workers   ผู้บริหารจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ร่วม จริงใจ  และสร้างให้มีความรู้สึกร่วมกันในทีมในการสร้างชื่อเสียงร่วมกัน ซึ่งนับเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ต้องการทั้งสติปัญญา ความรู้ความสามารถในงาน  ความเข้าใจกันโดยเฉพาะความเข้าใจความต้องการพื้นฐานของมนุษย์  และความสามารถในการครองใจผู้ร่วมงานซึ่งต้องใช้ทักษะในการบริหารคน (Human Skill) โดยเฉพาะความสามารถในการสร้างมนุษยสัมพันธ์อันดีกับผู้ร่วมงาน  

ขั้นตอนที่จะสร้างผลิตผลในงานที่ต้องใช้ ความรู้จาก knowledge work ดรักเกอร์แนะนำว่าจะต้องให้ความสนใจไปที่ผลสำเร็จของงาน ซึ่งจะมีอยู่ 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 ตอบคำถาม “ฉันได้รับเงินค่าจ้างสำหรับงานอะไร” และ “ฉันควรจะได้รับเงินค่าจ้างสำหรับงานใด”

ขั้นตอนที่ 2 แยกประเภทกิจกรรมที่ไม่ได้ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน และผลสำเร็จของงาน

ขั้นตอนที่ 3 หลีกเลี่ยงกิจกรรมดังกล่าวให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


ทั้งสามขั้นตอนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน แต่ไม่มีสูตรตายตัว เพราะแรงงานสมองแต่ละคน มีความสามารถแตกต่างกันออกไป

4. Leverage of knowledge asset 

Knowledge asset  คือ ความรู้ที่สร้างขึ้นมาได้จาก SECI  ( SECI คือกระบวนการสร้างความรู้ )

Knowledge asset  แบ่งเป็น 4 แบบ

  1.  Experimental - ความรู้แบบ tacit ที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำงาน และสายสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ฯลฯ ได้แก่: ทักษะในการทำงานของแต่ละคน, ความรักในการทำงาน, passion

  2.  Conceptual - ความรู้แบบ explicit ที่แสดงออกผ่านภาพลักษณ์ สัญลักษณ์ และภาษา ได้แก่: คอนเซปต์ผลิตภัณฑ์, ดีไซน์, แบรนด์

  3.  Routine - ความรู้แบบ tacit ที่วนๆ เป็นรูทีนอยู่ในองค์กร เช่น ทักษะในการทำงานของทีม วิธีหรือขั้นตอนการทำงานในองค์กร วัฒนธรรมองค์กร

  4.  Systemic - ความรู้ explicit ที่จัดทำเป็นแพกเกจ เช่น เอกสาร คู่มือ สเปก database สิทธิบัตร



5. การเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Action Learning)วิธีการในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การในปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
และมีวิธีการรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอทั้งนี้ก็เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับบุคลากรที่มี
ความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร โดยรูปแบบของการเรียนรู้ที่ได้รับการยอมรับว่า
สามารถสร้างให้ผู้เรียนรู้เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิผลวิธีการหนึ่งคือการเรียนรู้ที่
เรียกว่า “การเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Action Learning)”

6.Analyzing  Mistakes
 คือ การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด หมายถึง การทำให้ผู้เรียนสามารถชี้ว่าข้อผิดพลาดของตนหรือของผู้อื่นเกิดขึ้นเพราะสิ่งใด
(ที่มา : ipst.ac.th)


7. Brainstorming
คือ เป็นกระบวนการที่มีแบบแผนที่ใช้เพื่อรวบรวมความคิดเห็น ปัญหา หรือข้อเสนอแนะจำนวนมากในเวลาที่รวดเร็ว เป็นวิธีการที่ดีในการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเกิดการมีส่วนร่วมของกลุ่มมากที่สุด การระดมสมองมุ่งเน้นที่จำนวนความคิด ไม่ใช่คุณภาพ 
 (ที่มา : www.prachasan.com)


8.การสอนงาน (COACHING) 
คือ การที่คนๆ หนึ่ง ช่วยให้ใครก็ตามพัฒนาขีดความสามารถในการทำงาน การสอนงานไม่ได้หมายถึงสาระของการสอนหรือบอกถึงวิธีการทำงานเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการช่วยเหลือ การให้คำแนะนำ การให้กำลังใจ และให้โอกาสในการทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น
(ที่มา : diw.go.th)

9. Computer-Mediated Communication (CMC)
คือ การติดต่อสื่อสารหรือการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ผ่านคอมพิวเตอร์
         Computer - Mediated  Communications (CMC) คือ การติดต่อสื่อสารหรือการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ผ่านคอมพิวเตอร์ เป็นรูปแบบอย่างกว้างๆที่สามารถกำหนดการติดต่อปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปหรือเป็นเครือข่ายบนคอมพิวเตอร์
ประเภทของการสื่อสารบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ด้วยกัน 4 แบบ ดังนี้
         One – to – one asynchronous communication เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลแบบไม่เห็นหน้ากัน  ได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail)
         Many –to –many asynchronous communication เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลแบบไม่พร้อมหน้ากัน ได้แก่ usenet, electronic bulletin boards และ list servers ซึ่งผู้รับสารต้องลงชื่อก่อนเข้าระบบ
         Synchronous communication เป็นการสื่อสารแบบพร้อมหน้าในแบบ one –to –one หรือ   one –to –many  โดยสามารถคุยกันได้ในหลากหลายหัวข้อที่ต้องการ ได้แก่ Chat
         Asynchronous communication เป็นการสื่อสารแบบพร้อมหน้าไม่เห็นหน้าระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร  ได้แก่ website, gopher หรือ FTP sites
รูปแบบทั่วไปของ CMC
         ประกอบไปด้วย E-mail, Video, Audio, Text Chat, Bulletin Boards , List-Servs/Mailing list และ massively multiplayer online
         สิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้น “Weblogs (blogs) ได้รับความนิยมอยู่เสมอและมีการแลกเปลี่ยน RSS ซึ่งง่ายต่อการเข้าถึงของผู้ใช้แต่ละคน
(ที่มา : cosci.swu.ac.th)

10. External Consultant
 เป็นบุคคลที่มาจากภายนอกองค์การ ถูกคัดเลือกขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการคิด วางระบบงานให้แหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์การแต่ละแห่งที่ไม่เหมือนกัน เป็นกลุ่มคนที่จะต้องติดต่อกับผู้บริหารระดับสูงขององค์การ เพื่อนำเสนอและสรุปผลการดำเนินงาน ลักษณะการจัดจ้างที่ปรึกษาภายนอกนั้นสามารถทำได้หลายลักษณะ เช่น การจ้างเป็นโครงการโดยมีระยะเวลาและผลงานที่ต้องนำส่งมอบอย่างแน่นอน หรือการจ้างแบบต่อเนื่องทำเป็นสัญญาปีต่อปี ซึ่งจะต้องเข้ามาในองค์การอย่างน้อยเดือนละสองหรือสามครั้งขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างที่ปรึกษาภายนอกและองค์การ
 (ที่มา : www.peoplevalue.co.th)

11. Learning Contracts
สัญญาการเรียน (Learning Contract) หมายถึง ข้อตกลงระหว่างผู้เรียนและผู้สอน เกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเรียน เนื้อหา วิธีการเรียน แหล่งวิทยาการ และการวัดผล ตามความเหมาะสมของผู้เรียน โดยผู้เรียนจะต้องทำกิจกรรมให้เสร็จภายในช่วงเวลาที่กำหนด และผู้สอนจะเป็นผู้ให้คำแนะนำ ปรึกษาในด้านต่างๆ
 (ที่มา : wiki.edu.chula.ac.th)


12.ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring) ในการจัดการความรู้
            ระบบพี่เลี้ยงเป็นระบบที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานที่มีประสบการณ์มากกว่ากับพนักงานที่มีประสบการณ์น้อย โดยพี่เลี้ยงหรือผู้ที่มีประสบการณ์สูงจะทำหน้าที่ในการคำปรึกษา แนะนำ ผู้สอนงาน และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้กับพนักงานที่อ่อนประสบการณ์
(ที่มา : http://www.vrhris.com/klc/Article/HR/Manager/Mentoring.htm)



13.  Networking
 หมายถึง : เครือข่าย คอมพิวเตอร์ในกลุ่มถูกนำมาต่อเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ด้วยสายการสื่อสารโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันและกันได้
(ที่มา : www.novabizz.com)


14. Portfolios
คือแฟ้มสะสมงาน เริ่มต้นขึ้นมาจากวงการอาชีพ เช่น สถาปัตยกรรม การโฆษณา การถ่ายภาพ และวรรณกรรม เป็นต้น โดยผู้ที่มีอาชีพเหล่านี้จะรวบรวมตัวอย่างผลงานที่ดีเด่นและน่าพอใจของตนเอาไว้ โดยงานที่รวบรวมไว้นั้นต้องตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผู้ใช้บริการ หรือนายจ้างของตน ส่วนแฟ้มสะสมผลงานของนักเรียนนั้น เป็นการรวบรวมตัวอย่างผลงานที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการสอน ผลงานที่รวบรวมแสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความก้าวหน้า และผลสำเร็จในเรื่องต่างๆ ซึ่งในการรวบรวมผลงานดังกล่าว นักเรียนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหาและเกณฑ์การคัดเลือก เกณฑ์ตัดสินคุณภาพ ตลอดจนมีโอกาสแสดงความรู้สึกต่อผลงานของตนเอง
 (ที่มา : www.budmgt.com )


15. Project work 
คือ การพัฒนาการทำงานเชิงโครงการ ได้แก่คุณสมบัติในการติดตามความก้าวหน้าของโครงงาน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการโครงงานได้แก่ แกนต์ชาร์ต (Gantt Chart) ซึ่งแสดงลำดับการทำงานต่างๆ ของโครงงาน ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ด้วยกราฟแท่ง แนวนอนและแสดงสถานะของโครงงานในขณะนั้นว่าเสร็จสิ้นแล้ว, กำลังดำเนินการอยู่หรือเกินกำหนดไปแล้วได้ ทำให้สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น
 (ที่มา : www.banmi.ac.th)


16.Rotating jobs 
คือ การหมุนเวียน เป็นการให้โอกาสพนักงานได้มีการโยกย้าย ไปทำงานอื่น และเรียนรู้งานใหม่ โดยจัดตารางเวลาการทำงานในแต่ละหน้าที่ล่วงหน้า ให้เหมาะสม เพื่อลดความจำเจในการทำงาน อีกทั้งยังทำให้พนักงานมีความรู้และ ประสบการณ์มากขี้น เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลทำหน้าที่ด้านสวัสดิการพนักงาน อาจหมุนเวียนไปเรียนรู้กิจกรรมด้านแรงงานสัมพันธ์ ด้านฝึกอบรม หรืออาจเป็นการหมุนเวียนงานข้ามหน่วยงานข้ามฝ่าย เช่น หัวหน้างานฝ่ายผลิต หมุนเวียนงานไปเป็นหัวหน้างานฝ่ายคุณภาพ เป็นต้น
(ที่มา : www.kmutnb-journal.net) 


17.Team working
 คือ การทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีม หมายถึง การร่วมกันทำงานของสมาชิกที่มากกว่า 1 คน โดยที่สมาชิกทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายเดียวกันจะทำอะไรแล้วทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีมมีความสำคัญในทุกองค์กรการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงานการทำงานเป็นทีมมีบทบาทสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือของกลุ่มสมาชิกเป็นอย่างดี
(ที่มา : www.sisat.ac.th)



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น